AC-130H/U Gunship
ภารกิจ
ภารกิจหลักของ เครื่องบินโจมตี/ลำเลียงแบบ AC-130
gunship คือการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด และการสกัดกั้นการรุกหรือหยุดยั้งการเคลื่อนที่กำลังรบของข้าศึก
การคุ้มกันขบวนยานยนต์ และการปฏิบัติการรบในเมือง
การปฏิบัติภารกิจในการต่อต้านเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า
หรือเป้าหมายตามแต่โอกาส นอกจากนี้ยังมีภารกิจในการป้องกันกองกำลังภาคพื้น
รวมถึงการป้องกันฐานบินและสิ่งอำนวยความสดวกอื่นๆด้วย
ลักษณะเด่น
อาวุธหนักประจำอากาศยาน เป็นการรวมเอาอาวุธยิงจากด้านข้าง(side-firing
weapons) ประกอบไปด้วยระบบเซ็นเซอร์ อันทันสมัย,
การนำร่องและระบบควบคุมการยิง เพื่อทำให้อำนาจการยิงรุนแรงยิ่งขึ้น
สำหรับในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศปิด ระบบเซ็นเซอรที่ประกอบด้วย
ทีวีเซ็นเซอร, อินฟราเรดเซ็นเซอร และเรดาห์ จะทำการแยกแยะเป้าหมายภาคพื้น
เพื่อพิสูจน์ฝ่ายเราและข้าศึกได้ทุกที่และทุกเวลา
AC-130U มีการใช้ ระบบเรดาร์ ซึ่งประกอบขึ้นด้วย
กล้องตรวจจับและพิสูจน์เป้าหมายระยะใกล ควบคุมการยิงด้วยระบบ
GPS.ร่วมกับระบบ คอมพิวเตอร์อันทันสมัย ซึ่งทำให้เพิ่มขีดความสามารถ
และความแม่นยำในการยิงต่อเป้าหมายได้ ทุกกาลอากาศ
สามารถทำการยิงต่อเป้าหมายได้ 2 เป้าได้ในเวลาเดียวกัน
ประวัติ
เครื่อง AC-130 รุ่น H ใช้นามเรียกขานทางวิทยุว่า
"ปีศาจเวหา Spectre." ส่วนเครื่อง AC-130
รุ่นU ใช้นามเรียกขานว่า "Spooky," เป็นผลจากการพัฒนาของเครื่อง
AC-47 ดาโกด้า ที่ได้ใช้กันชิพเป็นครั้งแรกในสงครามเวียดนามระยะต้นๆ
จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก กองทัพสหรัฐ จึงได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบ
C-130 มาติดตั้งปืนกลและ พัฒนาจน สามารถติดตั้งปืนใหญ่
ขนาด 105 ม.ม.ได้ สำหรับในรุ่น U เป็นการพัฒนาเป็นรุ่นที่
3 ของเครื่อง C-130 gunships.
ประวัติการปฏิบัติภารกิจ
เครื่อง
AC-130 gunship มีประวัติด้านการรบมาตั้งแต่สมัยสงครามเวีดนาม
โดยสามารถทำลายยานพาหนะ ประเภทรถบรรทุกมากกว่า 10,000
คัน ยังช่วยเหลือและปกป้องชีวิตของหน่วยทหารภาคพื้นดิน
โดยการสนับสนุน ทางอากาศอย่างใกล้ชิด มาแทบนับครั้งไม่ถ้วน
ในปี 1983 ปฏิบัติการ Urgent Fury ที่ เกนาด้า เครื่อง
AC-130 ได้กำจัดระบบการป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก
และได้โจมตีกองกำลังภาคพื้นดิน เป็นผลให้ประสพความสำเร็จในการเข้าจู่โจมสนามบิน
Point Salines
ในปี1989
ได้ทำลายกองบัญชาการและสิ่งอำนวยประโยชน์ของกองกำลังประเทศปานามา
ในปฏิบัติการพายุทะเลทราย
( Operation Desert Storm ) เครื่อง AC-130 ถูกใช้ในภารกิจสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด
และการปกป้องกองกำลังภาคพื้นดิน (การป้องกันฐานบิน)
นอกจากนี้ยังถูกใช้ปฏิบัติการ operations Continue
Hope และ United Shield ในประเทศโซมาเลีย,ถูกใช้ในภารกิจสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด
ให้กับกองกำลังภาคพื้นของทหารสัมพันธุ์มิตร ,สนับสนุนภารกิจทหารนาโต้
ใน บอสเนียและเป้าหมายหลักในพื้นที่ ซาราเจโว
ในปี
1997,ใช้ในภารกิจสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด กับกองกำลังภาคพื้นของสหรัฐและมิตรประเทศ
ในการขนย้ายพลเรือนอเมริกันออกจาก อาบาเนีย และยังเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสหรัฐเพื่อบีบบังคับอีรัคยินยอมให้
สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบอาวุธ ในปี 1998
คุณลักษณะโดยทั่วไป
บริษัทผู้สร้าง : Lockheed/Boeing Corp.
เครื่องยนต์ : Allison T56-A-15 จำนวน 4 เครื่องยนต์
แรงขับ : เครื่องยนต์ละ 4,910 แรงม้า
ความยาว : 97 ฟุต, 9 นิ้ว (29.8 เมตร)
ความสูง : 38 ฟุต, 6 นิ้ว(11.7 เมตร)
ความกว้างปีก : 132 ฟุต, 7 นิ้ว (40.4 เมตร)
ความเร็ว : 260 น๊อต (ที่ระดับน้ำทะเลl)
พิสัยบิน : ประมาณ 1,300 ไมล์ทะเล ; ไม่จำกัดพิสัยบินหากเต็มเชื้อเพลิงทางอากาศ
เพดานบิน : 25,000 ฟุต (7,576 เมตร)
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 155,000 ปอนด์ (69,750
กิโลกรัม)
ระบบอาวุธ : AC-130H: ปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม.M-102
Howitzer จำนวน 1 กระบอก กระสุนพร้อมยิง 76 นัด
สำรอง 24 นัด ,ปืนใหญ่ขนาด 40 ม.ม M1 "Bofors".จำนวน
2 กระบอก กระสุน 276 นัด (อัตรายิงเร็ว120 นัดต่อนาที)
และปืนหลายลำกล้องขนาด 20 ม.ม. M61A1 "Vulcan"
จำนวน 2 กระบอก กระสุน 6,000 นัด (อัตรายิงเร็ว2,500
นัดต่อนาที)
: AC-130U: ปืนใหญ่ขนาด 40 ม.ม. และ ปืนใหญ่ขนาด
105 ม.ม. เหมือนกับ AC-130H แต่เพิ่มปืนกลอากาศขนาด
25 ม.ม.อีกจำนวน 1 กระบอก (อัตรายิงเร็ว1,800 นัดต่อนาที)
นักบินและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน:
AC-130H/U -จำนวนทั้งหมด 14 นาย เป็นนายทหารสัญญาบัตร
5 นาย (นักบิน 2 นาย, ต้นหน, นายทหารควบคุมการยิง,
นายทหารสงครามอิเลคโทนิค) และเจ้าหน้าที่เทคนิค
จำนวน 8 นาย (flight engineer, TV operator, infrared
detection set operator, loadmaster, พลยิง 4 นาย) |
|