เราใช้
pitot-static เป็นอุปกรณ์ ในการรับค่าและแปลงค่า ความกดอากาศ
เพื่อส่งไปยัง เครื่องวัด ที่อยู่ใน ห้องนักบิน (cockpit)
ได้แก่ airspeed indicator, altimeter, และ vertical
speed indicator ทั้งสองตัว นี้จะ static pressure
แต่จะมีเพียงตัวเดียว ที่ใช้ ทั้ง static pressure
และ pitot pressure คือ airspeed indicator
ความกด
อากาศที่เข้าทาง ท่อ pitot จะเรียกว่า impact หรือ
ram air pressure โดยท่อ pitot นี้มักจะติดตั้งอยู่ที่
ปีกเครื่องบิน หรือ อยู่ที่ ส่วนหัวเครื่องบิน ที่ปลายท่อ
จะมีรู เพื่อรับ ram air pressure ของ relative
wind เข้ามาก่อนที่ จะผ่านไปยัง โครงสร้างของเครื่องบิน
ดังนั้นเมื่อ ความเร็วของอากาศ ก็จะทำให้ มีการเพิ่มของ
ram air pressure ด้วย
ความกด
อากาศที่เข้าทาง static port ซึ่งติดตั้งอยู่ทางด้าน
ข้างลำตัวของเครื่องบิน โดยความกด อากาศที่เข้าไปทาง
static port นี้จะเป็นความกดอากาศที่คงที่ ณ ตำแหน่ง
ที่อยู่นั้นๆ
Airspeed
Indicator เป็นเครื่องวัด ที่แสดงถึงความเร็ว ของเครื่องบินที่ผ่านอากาศ
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความเร็วของ อากาศที่ไหลผ่านเครื่องบิน
ก็ได้ โดยมีหลักการทำงาน จาก การเปรียบเทียบ ระหว่าง
ram air pressure กับ static air pressure ผลที่ได้จากความแตกต่าง
ของความกดอากาศ ทั้งสองนี้ จะแปลงออกมาเป็นค่า ของความเร็วออกกาศ
ได้ ความเร็วของ เครื่องบินขนาด เล็กนั้น เราจะมีอยู่
4 ชนิด
Indicated
airspeed (IAS) เป็นค่าความเร็วอากาศที่ อ่านโดยตรงจาก
เครื่องวัด airspeed indicator
Calibraated
airspeed (CAS) เป็นค่าความเร็วอากาศที่ มีการปรับหรือแก้ไขข้อผิดพลาด
ที่เกิดจากการ ติดเครื่องวัด เราสามารถหาค่านี้ได้
จากคู่มือ (pilot's operation handbook) ของเครื่องบินนั้นๆ
True
airspeed (TAS) เป็นค่าความเร็วอากาศ ที่ถูกต้องหลังจาก
การแก้ไขผลกระทบที่ เกิดจาก ความสูง ความกดอากาศ
อุณหภูมิ ความหนาแน่นของอากาศ แล้ว
Groundspeed
(GS) เป็นค่าความเร็วจ ของเครื่องบินเมื่อเทียบกับ
เงาของเครื่องบิน กับพื้นโลก โดยการปรับค่าความเร็วของลม
ที่มีผลต่อ ความเร็วที่เทียบ กับพื้นโลกนี้ เช่น
ถ้า เป็นลม ตรงหน้า เครื่องก็จะ ช้าลง หากเป็นที่มาทาง
ท้ายเครื่องบิน ก็จะทำให้ ความเร็วนี้เพิ่มขึ้น
เป็นต้น
Altimeterสามารถทำงาน
โดยการรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของ ความกดอากาศ แล้วแปลงออกมาเป็นความสูง
เพื่อแสดงออกทางเครื่องวัดนี้ โดยทั่วไปแล้ว altimeter
จะมีอยู่ ด้วยกัน 3 เข็ม เข็มยาวสุด จะแสดงความสูงใน
หลัก 100 ฟุต เข็มสั้น จะแสดงหลัก 1,000 ฟุต และ
เข็มสั้นที่สุด จะแสดง หลัก 10,000 ฟุต นอกจากนี้ยังมีปุ่มปรับความ
ความกดอากาศ ของเครื่องวัด เพื่อให้ มีค่าที่ตรงกับ
ค่าความกดอากาศ บริเวณ นั้นๆ และเวลานั้น เพื่อการแสดงความสูงที่ถูกต้อง
เนื่องจากในแต่พื้น ที่แต่ละเวลา ความกดอากาศ หรือ
อุณภูมิ นั้น จะไม่เท่ากันเสมอ ดังนั้นเราจึงต้องมีการ
ปรับค่า ความกดอากาศนี้ ให้ถูกต้อง ดังนั้นเพื่อให้เกิด
ความผิดพลาดน้อย ที่ สุดในการแสดงความสูง ของ altimeter
นี้ เราจะต้องมีการปรับ ค่าความกดอากาศนี้ เป็นระยะ
ในเส้นทางบิน ของเราเมื่อเราพบว่า มีการรายงาน ค่าความกดอากาศ
ในบริเวณ ที่เราบินผ่านไม่ตรงกับที่ เราตั้งไว้
Vertical
Speed Indicator (VSI) หรือ บางทีเรียกว่า Vertical
velocity indicator (VVI) VSI นี้จะต่ออยู่กับ ระบบของ
static port โดยเครื่องวัด นี้จะรับรู้ การเปลี่ยนแปลง
ของความกดอากาศ แล้วแสดง ค่าออกมาให้ทราบ ถึงท่าทางของ
เครื่องว่า ขณะนี้กำลังอยู่ ท่าไต่ (climbs) หรือ
ร่อน (ลดระดับ descend) โดยหน่วยที่แสดงออกมา นี้จะมีหน่วย
เป็น ฟุตต่อนาที เช่น ขณะนี้ กำลังไต่อยู่ที่ 500
ฟุตต่อนาที หรือถึง หากเรารักษาท่าทางนี้ไว้ ในทุก
1 นาที เราจะได้ความสูงเพิ่นขึ้นมา 500 ฟุต แต่เนื่องจาก
เครื่องวัดนี้ อาศัย หลัการถ่าย-เท ความกดอากาศ
ดังนั้นค่าที่อ่านได้ จะช้าความสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
อยู่ประมาณ 6-9 วินาที
คำจัดความของ
Altitude altimeter นี้จะใช้แสดงความสูง altitude
ซึ่งความสูงนี้ หมายถึง ความสูงของ วัตถุ เมื่อเทียบกับ
จุดอ้างอิง อันใดอันหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็น พื้นผิวโลก
ระดับน้ำทะเล หรือบางสิ่ง บางอย่าง ซึ่งจะเห็นได้ว่า
altitude นี้ มีความแตกต่างกัน เนื่องมาจาก จุดอ้างอิง
เพื่อบอก altitude นี้มีอยู่ หลายตัวดัวยกัน แต่ที่ใช้ในการอ้างอิง
หลักๆ นั้น มีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภทคือ
Indicated
altitude เป็นความสูงที่ อ่านโดยตรงจากเครื่องวัด
(altimeter) ความสูงที่อ่านได้นี้ จะมีความถูกต้อง
ก็ต่อเมื่อ เรา ปรับหรือตั้งค่า ความกดอากาศ ของเครื่องวัดให้ถูกต้อง
กับความกดอากาศ ณ บริเวณ และขณะนั้น
Pressure
altitude เป็นการแสดงความสูง ที่สูงกว่า standard
datum plane เมื่อเรา ปรับค่า ความกดอากาศ ของ altimeter
ไปอยู่ที่ค่าของ ระดับน้ำทะเล มาตรฐาน (standard
sea level ) มีค่าเป็น 29.92" Hg เราจะใช้
กับเครื่องบิน ที่บินอยู่ ที่ระดับความสูงตั้งแต่
18,000 ฟุต
Density
altitude เป็นค่าความสูง ที่มีการแก้ไข ให้ถูกต้อง
อันเกิดจาก อุณภูมิที่ไม่ ตรงตามมาตรฐาน
True
altitude เป็นค่าความสูง จริงที่เทียบ จากระดับน้ำทะเล
และความสูงที่แสดงอยู่บนแผนที่ ก็ใช้ความสูงที่เทียบ
เช่นเดียวกันี้ รวมไปถึง เสากาศ ตึก ที่อยู่ในแผนที่ด้วย
Absolute
altitude เป็นความสูง ที่เทียบจาก พื้นดิน (above
ground level หรือ AGL)
|