Class Aมีพื้นที่ ตั้งแต่ 18,000
Feet. MSL ขึ้นไปจนกระทั้งถึง FL622 (Flight Level
or 60,000 MSL) พื้นที่ ที่อยู่ใน class A นี้จะไม่มีแสดงไว้ในแผนที่
เครื่องบิน ที่บินเข้าพื้นที่นี้ จะต้อง ปรับค่าความกดอากาศของ
Altimeter เป็น 29.92" Hg (ค่าความ กดอากาศ มาตรฐาน)
และเมื่อจะออกจาก พื้นที่ ก็ต้องปรับค่า ความกดอากาศ
ของ Altimeter นี้ให้เป็น ค่าตามพื้นที่ ที่ได้จากรายงานอากาศ
หรือ หอควบคุมในพื้นที่นั้นๆ และเครื่องบินที่ จะบิน
เข้าพื้นที่นี้จะต้อง บินด้วย กฏของ IFR Class
B มีพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 feet MSL เป็นพื้นที่
ของ สนามบินขนาดใหญ่ ที่มีการจราจร คับคั่ง class
B นี้จะแสดง ในแผนที่ รูปร่างของ พื้นที่นี้ จะมีหลายชั้น
คือมีตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป ในแต่ละชั้น จะมีความกว้างไม่เท่ากัน
โดยชั้นบนสุด จะมีความกว้าง มากที่สุด เมื่อมองรูปร่าง
โดยรวมแล้ว จะคล้าย กับ ขนมเค็ก กลับด้านโดยเอา
ด้านหัวลงพื้น เมื่อเราต้องการจะเข้าพื้นที่ ใน
class B เราจะต้องทำตามข้อกำหนด ต่อไปนี้
เครื่องบิน
เครื่องบินที่เข้า พื้นที่ของ class B จะต้องมีอุปกรณ์
ที่ใช้งานได้ ดังนี้ คือ เครื่องวิทยุสื่อสาร สองทาง
โดยตั้งความถี่ ของ พื้นที่นั้นๆ , เครื่องรับ VOR
และ Transponder
นักบิน
นักบินที่จะบินเข้าพื้นที่ รวมถึง บินผ่าน ,การวิ่งขึ้น
และร่อนลง ที่สนาม ในพื้นที่ จะต้องมี ใบอนุญาติ
นักบินพลเรือน (private pilot certificate) หรือ
อย่างน้อย ก็ต้องมี ใบอนุญาติ นักเรียนฝึกหัด ที่ได้รับอนุญาติเป็นรายๆ
ไป
การปฏิบัติ
เครื่องบินทุกลำ จะต้องได้รับอนุญาติ ในการกระทำสิ่งต่างๆ
เมื่ออยู่ใน class B และเครื่องบินทุกลำ จะได้รับขั้นตอนในการปฏิบัติ
จากผู้ควบคุม นักบินสายการบิน ได้ ปฏิบัติตาม หมายกำหนดการ
และนักบิน IFR กับ VFR จะต้องได้รับ อนุญาติ จาก
ATC เท่านั้น ระรึกไว้เสมอว่า การบินหรือการเข้า
สนามบิน ที่มีการจราจร ที่คับคั่งนั้น เราจะถูกควบคุม
อย่าง เข้มงวด
Class
C เป็นพื้นที่ ที่มีการควบคุม สนามบินโดยใช้
เรดาร์ สนามบิน ใน class C นี้จะมีการจราจรไม่คับคั่งมากนัก
เมื่อเทียบกับ class B ในบางสนามบิน จะเป็นการใช้งานร่วมกันระหว่าง
พลเรือน กับ ทหาร ใน class C นี้มีแสดงอยู่ใน แผนที่
รูปร่างของ พื้นที่ในแต่ละสนามบิน จะมีความแตกต่างกันบ้าง
แต่ ก็จะอยู่ในรูปแบบ นี้คือ
วงในจะมี
รัศมี 5 ไมล์ทะเล (nautical mile) และมีความสูง
4,000 feel จากระดับพื้นดิน
วงนอก
ซึ่งจะอยู่บนวงใน อีกชั้นหนึ่ง จะมีรัศมี 10 ไมล์ทะเล
และมีความสูง ตั้งแต่ 1,200 AGL ถึง 4,000 AGL
การเข้าใช้พื้น
ที่จะต้อง ปฏิบัติตามข้อกำหนด ต่อไปนี้
เครื่องบิน
ที่จะเข้าใช้พื้นที่ใน class C นี้จะต้องมีอุปกรณ์
ที่สามารถใช้งานได้ ต่อไปนี้ เครื่องวิทยุ สื่อสาร
สองทาง ที่ตั้งความถี่ ของสนามบินในพื้นที่ ที่จะเข้าใช้งาน
และ transponder
นักบิน
การเข้าใช้พื้นที่ ใน class C ไม่ได้มี ข้อกำหนดในเรื่องของ
ใบอนุญาติ
การปฏิบัติเมื่อนักบิน
เข้าใช้พื้นที่ ใน class C นักบินจะต้องทำการติดต่อกับ
ATC ที่ควบคุมพื้นที่ นั้นอยู่ นักบินจะต้องไม่
บินด้วยความเร็ว เกิน 200 knots เมื่อบินอยู่ในระดับความสูงที่
ต่ำกว่า 2,500 feet AGL เมื่ออยู่ในพื้นที่นี้
ระรึกไว้เสมอว่า
การใช้งานพื้นที่ ใน class C นี้ ในบางครั้งอาจจะมี
การจราจร ที่คับคั่ง เนื่องจาก สนามบิน ที่อยู่ในพื้นที่นี้
อาจจะ มีการใช้งานร่วมกันระหว่าง เครื่องบินพาณิชย์
, ทหาร, และพลเรือน ใช้งานมากจนกระทั้ง บางครั้งเราไม่สามารถใช้งานในพื้นที่นี้ได้
Class
D เป็นพื้นที่ควบคุม การใช้งาน ที่มีพื้นที่เล็กๆ
ในบางแห่งหอควบคุม อาจจะไม่ได้เปิดทำการตลอด 24
ช.ม. รูปร่างของพื้นที่ อาจจะมีแตกต่าง กันบ้าง
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษะเป็น รูปทรงกระบอก ที่มีรัศมี
5 ไมล์ทะเล และมีความสูงจากพื้น 2,500 feet พื้นที่นี้มีแสดงอยู่ใน
แผนที่
เมื่อนักบิน
ต้องการจะเข้าใช้งานในพื้นที่นี้ จะต้องปฏิบัติดังนี้
เครื่องบินที่จะเข้าใช้พื้นที่นี้จะต้องมี
เครื่องวิทยุสื่อสาร สองทาง
นักบินไม่มีการกำหนด
ว่าจะต้องมีใบอนุญาติ
การปฏิบัติเมื่อเข้าใช้พื้นที่ใน
class D จะต้องมีการติดต่อสื่อสารกับ ATC ของสนามบินนั้นอยู่
นักบินจะต้องไม่บินด้วยความเร็ว เกิน 200 Knots
เมื่อบินต่ำกว่า 2,500 feet เมื่ออยู่ในพื้นที่
class D หรืออยู่ในรัศมี 5 ไมล์ทะเลจาก สนามบิน
หลัก
ระรึกไว้เสมอว่า
สนามบินใน clase D นี้มีเครื่องบินหลายประเภทใช้งาน
ร่วมอยู่ และอาจจะมีการจราจรคับคั่ง ในช่วงสุดสัปดาห์
Class
Eเป็นพื้นที่ ที่ไม่ได้อยู่ใน class A,
class B, class C, class D โดยพื้นที่นี้ จะเป็น
พื้นที่ ที่ถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางบิน (airway)
โดยมีความสูง ตั้งแต่ พื้น จนกระถึง 14,500 feet
และอีกช่วงหนึ่ง คือที่เหนือ พื้นที่ของ class A
ขึ้นไป คือตั้งแต่ FL600 ขึ้นไป
Class
G คือพื้นที่ ที่ไม่มีการควบคุม หรือเป็น
พื้นที่ หวงห้าม ที่ไม่อยู่ใน class อื่นๆ โดยจะมีพื้นที่ตั้งแต่
พื้น ขึ้นไปจนถึง 700 หรือ 1,200 feet ในบางพื้นที่
การบิน ในพื้นที่นี้ นักบินจะต้อง ระวังการเกิดอุบัติเหตุ
เนื่องจาก การชนกัน หรือ ชนกับ สิ่งกีดขวาง
Special
use airspace เป็นพื้นที่ ที่มีการใช้งาน
ในภาระกิจ พิเศษ บางอย่าง ได้แก่ Prohibited areas,
restricted areas, warning areas, military operations
areas, national security areas, และ alert areas
พื้นที่เหล่านี้มีแสดง ในอยู่ในแผนที่ ของ IFR
Other
airspace areas เป็นพื้นที่ ที่ถูกแสดงอยู่ใน
Aeronautical Information Manual พื้นที่ ที่อยู่ในกลุ่มนี้
จะประกอบไปด้วย airport advisor areas และ militrary
training routes
|